วันจันทร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2555

โครงงานบูรณาการเมี่ยงคำเมืองตาก (วิชาสุขศึกษา)

โครงงานบูรณาการเมี่ยงคำเมืองตาก (วิชาสุขศึกษา)
คุณค่าทางโภชนาการของเมี่ยงคำ
               ในไส้เมี่ยงและเครื่องเมี่ยง มีส่วนประกอบหลายอย่าง ได้แก่ใบชะพลูมะพร้าวหอมแดงขิงข่า ตระไคร้ มะนาว น้ำตาลปีบ พริกขี้หนู กะปิเผา น้ำปลา กุ้งแห้งและถั่วลิสงซึ่งส่วนประกอบเหล่านี้ก็มีคุณค่าทางโภชนาการแตกต่างกันไปดังนี้
1.ใบชะพลู
                ใบชะพลูให้สารอาหารที่จัดอยู่ในหมวดวิตามิน เกลือแร่ มีสารอาหารที่สำคัญและมีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย เช่น แคลเซียม วิตามินเอสูง ฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก เส้นใยและสารคลอโรฟิลล์ และยังมีสรรพคุณทางยา เช่น ช่วยบำรุงธาตุ แก้จุกเสียดแน่น ฯลฯ
2.มะพร้าว
                เนื้อมะพร้าวให้สารอาหารที่จัดอยู่ในหมวดไขมัน มีคุณค่าทางโภชนาการสูงได้แก่ แคลเซียมโพแทสเซียม แมกนีเซียม วิตามินซี ไขมัน บี 2 บี 5 และบี 6 กรดโฟลิก กรดอะมิโน และฮอร์โมนเอสโตรเจนสูง มีน้ำตาลกลูโคสที่ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้เป็นพลังงานได้ทันทีอีกด้วยช่วยชะลอการเกิดโรคอัลไซเมอร์ หรือความจำเสื่อมในสตรีวัยทองมะและยังสามารถกระตุ้นการเจริญเติบโตและแบ่งเซลล์ได้ดีแถมยังมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ขับของเสียหรือสารพิษออกจากร่างกายจึงช่วยให้ผิวพรรณผ่องใส
3.หอมแดง
                หอมแดงให้สารอาหารที่จัดอยู่ในหมวดวิตามิน เกลือแร่ ในหอมแดงสดจะมีน้ำมันหอมระเหยเป็นส่วนประกอบอีกทั้งยังมีสารฟลาโวนอยด์ ซึ่งมีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และหากกินเป็นประจำก็จะช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล ช่วยให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น ลดไขมันในเส้นเลือดที่เป็นสาเหตุของโรคความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจนอกจากนั้นในหอมแดงยังมีธาตุฟอสฟอรัสปริมาณสูง ช่วยให้มีความจำดี อีกทั้งยังอุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซี วิตามินอี
4.ขิง
                ขิงให้สารอาหารที่จัดอยู่ในหมวดวิตามิน เกลือแร่ ขิงเป็นสมุนไพรที่ใช้แก้หวัด แก้ไข้ แก้หนาวสั่น แก้บาดทะยัก แก้โรคเรื้อน มีฤทธิ์แก้หวัดเย็นขับเหงื่อบำรุงกระเพาะ แก้ปวดข้อ แก้ปัญหาเรื่องไต แก้อาการคลื่นไส้อาเจียน ลดโคเลสเตอรอลที่สะสมในตับและหลอดเลือด ของหญิงสาวเหล่านี้มาใช้ในการเดินเรือ โดย มีการเคี้ยวรากขิงเมื่อออกทะเลเวลา เมาคลื่นลม
5.มะนาว
                มะนาวให้สารอาหารที่จัดอยู่ในหมวดวิตามิน เกลือแร่ซึ่งมะนาวเป็นผลไม้ที่มีกรดอินทรีย์หลายชนิดเช่นกรดซิตริก กรดมาลิค วิตามินซี ซึ่งได้จากน้ำมะนาว ส่วนน้ำมันหอมระเหยจากผิวมะนาวมีวิตามินเอและซี รวมทั้งมีธาตุแคลเซียมและฟอสฟอรัสสูงกว่าในน้ำมะนาว มีสรรพคุณทางยา คือ เปลือกผลมีรสขมช่วยขับลม รักษาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่นจุกเสียด
6.พริกขี้หนู
                  พริกขี้หนูให้สารอาหารที่จัดอยู่ในหมวดวิตามิน เกลือแร่ ซึ่งพริกขี้หนูเป็นเครื่องชูรสที่ให้ความเผ็ดซึ่งก็คือ สารแคปไซซิน (Capsaicin) ที่ทำให้มีรสเผ็ดร้อน ในทางยาไทยพริกมีสรรพคุณแก้ลมจุกเสียดแก้ท้องขึ้นอืดเฟ้อ ขับผายลม ช่วยในการเจริญอาหาร ขับเหงื่อ บำรุงธาตุไฟ แก้ปวดหลังปวดเอว แก้บวม เคล็ดขัดยอก
7.ถั่วลิสง
                  ถั่วลิสงให้สารอาหารที่จัดอยู่ในหมวดโปรตีน ซึ่งถั่วลิสงยังประกอบไปด้วยกรดอะมิโนที่จำเป็นสำหรับร่างกาย ๘ ชนิด ในอัตราที่เหมาะสม ถั่วลิสงยังมีไขมัน วิตามินบี ๒โคลีน (choline) กรดไขมันที่ไม่อิ่มตัว เมธิโอนีน (Methionine)และวิตามิน เอบีอีเค แคลเซียม เหล็กและธาตุอื่นๆการบริโภคน้ำมันถั่วลิสงเป็นประจำจะทำให้โคเลสเตอรอลในตับสลายตัวเป็นกรดน้ำดี(bileacid) ไม่เพียงแต่ลดโคเลสเตอรอลลงเท่านั้น ยังเป็นการป้องกันหลอดเลือดตีบและโรคหัวใจของคนในวัยกลางวันและวัยสูงอายุได้
8.กุ้งแห้ง
                กุ้งแห้งให้สารอาหารที่จัดอยู่ในหมวดโปรตีน
9.ข่า
                ข่าให้สารอาหารที่จัดอยู่ในหมวดวิตามิน เกลือแร่ ซึ่งข่านั้นยังช่วยขับลม แก้บวม ฟกซ้ำ แก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่นจุกเสียดได้อีกด้วย
10.ตระไคร้
               ตระไคร้ให้สารอาหารที่จัดอยู่ในหมวดวิตามินและเกลือแร่
11.น้ำตาลปีบ
                น้ำตาลปีบให้สารอาหารที่จัดอยู่ในหมวดไขมัน ซึ่งป็นสารให้พลังงานที่สำคัญที่สุดแก่เซลล์และเป็นสารตั้งต้นสำหรับการสังเคราะห์ชีวโมเลกุลต่างๆในเซลล์ซึ่งเมื่อเราบริโภคอาหารเข้าไป อาหารจะถูกสกัดย่อยด้วยกรดในกระเพาะก่อนจะถูกย่อยและดูดซึมไปเลี้ยงร่างกายโดยลำไส้เล็ก ตรงนี้เอง ที่น้ำตาลซูโครสในอาหารจะถูกเปลี่ยนสภาพให้กลายเป็นน้ำตาลกลูโคสและฟรุคโทส ซึ่งจะไหลไปตามหลอดเล็กๆผ่านผนังลำไส้เข้าสู่กระแสเลือดไปตามหลอดเส้นเลือดใหญ่โดยละลายอยู่ในเลือดและไหลกลับมาทางน้ำเหลืองเพื่อเข้าสู่ตับ โดยน้ำตาลบางส่วนจะถูกสะสมไว้ในตับในรูปของแป้งสีขาวที่ไม่สามารถละลายได้แต่เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดลดลงแป้งส่วนนี้จะสามารถละลายกลายเป็นน้ำตาล เพื่อส่งเข้ากระแสเลือด และหากมีน้ำตาลเหลืออยู่อีก ร่างกายจะเปลี่ยนน้ำตาลส่วนเกินเหล่านั้นเป็นไขมัน และเก็บไว้ในชั้นไขมันต่อไป
12.กะปิเผา
               กะปิเผาให้สารอาหารที่จัดอยู่ในหมวดโปรตีน
13.น้ำปลา
               น้ำปลาให้สารอาหารที่จัดอยู่ในหมวดโปรตีน ซึ่งน้ำปลานั้นช่วยลดความเสี่ยงการเป็นโรคโรคหัวใจขาดเลือด ( Coronary Heart Disease ) ลดไขมันในเลือดชนิดไตรกลีเซอร์ไรด์ ( Triglyceride ) ลดความรุนแรงของโรคปวดข้อ รูมาตอยด์ ( Rhematoid Arthritis ) บำรุงสมอง เพราะเซลล์สมองมีกรดไขมันชนิดนี้มาก จึงช่วยเสริมสร้างเซลล์สมอง

6 ความคิดเห็น:

  1. แต่ละอย่างมีคุณค่าเยอะมากพึ่งรู้น่ะเนี้ย

    ตอบลบ
  2. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  3. ให้ความรู้เกี่ยวกับเมี่ยงเต้าเจี้ยวก็ทำให้เราได้คุณค่าทางโภชนาการอย่างครบถ้วน

    ตอบลบ
  4. รู้ประโยชน์ของเมี่ยง

    ตอบลบ