โครงงานบูรณาการเมี่ยงคำเมืองตาก
(วิชาสุขศึกษา)
คุณค่าทางโภชนาการของเมี่ยงคำ
ในไส้เมี่ยงและเครื่องเมี่ยง
มีส่วนประกอบหลายอย่าง ได้แก่ใบชะพลูมะพร้าวหอมแดงขิงข่า ตระไคร้ มะนาว น้ำตาลปีบ
พริกขี้หนู กะปิเผา น้ำปลา กุ้งแห้งและถั่วลิสงซึ่งส่วนประกอบเหล่านี้ก็มีคุณค่าทางโภชนาการแตกต่างกันไปดังนี้
1.ใบชะพลู
ใบชะพลูให้สารอาหารที่จัดอยู่ในหมวดวิตามิน
เกลือแร่ มีสารอาหารที่สำคัญและมีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย เช่น แคลเซียม
วิตามินเอสูง ฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก เส้นใยและสารคลอโรฟิลล์ และยังมีสรรพคุณทางยา
เช่น ช่วยบำรุงธาตุ แก้จุกเสียดแน่น ฯลฯ
2.มะพร้าว
เนื้อมะพร้าวให้สารอาหารที่จัดอยู่ในหมวดไขมัน
มีคุณค่าทางโภชนาการสูงได้แก่ แคลเซียมโพแทสเซียม แมกนีเซียม วิตามินซี ไขมัน บี 2 บี 5 และบี 6 กรดโฟลิก
กรดอะมิโน และฮอร์โมนเอสโตรเจนสูง มีน้ำตาลกลูโคสที่ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้เป็นพลังงานได้ทันทีอีกด้วยช่วยชะลอการเกิดโรคอัลไซเมอร์
หรือความจำเสื่อมในสตรีวัยทองมะและยังสามารถกระตุ้นการเจริญเติบโตและแบ่งเซลล์ได้ดีแถมยังมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ
ขับของเสียหรือสารพิษออกจากร่างกายจึงช่วยให้ผิวพรรณผ่องใส
3.หอมแดง
หอมแดงให้สารอาหารที่จัดอยู่ในหมวดวิตามิน
เกลือแร่ ในหอมแดงสดจะมีน้ำมันหอมระเหยเป็นส่วนประกอบอีกทั้งยังมีสารฟลาโวนอยด์
ซึ่งมีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และหากกินเป็นประจำก็จะช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล
ช่วยให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น ลดไขมันในเส้นเลือดที่เป็นสาเหตุของโรคความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจนอกจากนั้นในหอมแดงยังมีธาตุฟอสฟอรัสปริมาณสูง
ช่วยให้มีความจำดี อีกทั้งยังอุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซี วิตามินอี
4.ขิง
ขิงให้สารอาหารที่จัดอยู่ในหมวดวิตามิน
เกลือแร่ ขิงเป็นสมุนไพรที่ใช้แก้หวัด แก้ไข้ แก้หนาวสั่น แก้บาดทะยัก
แก้โรคเรื้อน มีฤทธิ์แก้หวัดเย็นขับเหงื่อบำรุงกระเพาะ แก้ปวดข้อ แก้ปัญหาเรื่องไต
แก้อาการคลื่นไส้อาเจียน ลดโคเลสเตอรอลที่สะสมในตับและหลอดเลือด
ของหญิงสาวเหล่านี้มาใช้ในการเดินเรือ โดย มีการเคี้ยวรากขิงเมื่อออกทะเลเวลา
เมาคลื่นลม
5.มะนาว
มะนาวให้สารอาหารที่จัดอยู่ในหมวดวิตามิน
เกลือแร่ซึ่งมะนาวเป็นผลไม้ที่มีกรดอินทรีย์หลายชนิดเช่นกรดซิตริก กรดมาลิค
วิตามินซี ซึ่งได้จากน้ำมะนาว ส่วนน้ำมันหอมระเหยจากผิวมะนาวมีวิตามินเอและซี
รวมทั้งมีธาตุแคลเซียมและฟอสฟอรัสสูงกว่าในน้ำมะนาว มีสรรพคุณทางยา คือ
เปลือกผลมีรสขมช่วยขับลม รักษาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่นจุกเสียด
6.พริกขี้หนู
พริกขี้หนูให้สารอาหารที่จัดอยู่ในหมวดวิตามิน
เกลือแร่ ซึ่งพริกขี้หนูเป็นเครื่องชูรสที่ให้ความเผ็ดซึ่งก็คือ สารแคปไซซิน (Capsaicin)
ที่ทำให้มีรสเผ็ดร้อน ในทางยาไทยพริกมีสรรพคุณแก้ลมจุกเสียดแก้ท้องขึ้นอืดเฟ้อ
ขับผายลม ช่วยในการเจริญอาหาร ขับเหงื่อ บำรุงธาตุไฟ แก้ปวดหลังปวดเอว แก้บวม
เคล็ดขัดยอก
7.ถั่วลิสง
ถั่วลิสงให้สารอาหารที่จัดอยู่ในหมวดโปรตีน
ซึ่งถั่วลิสงยังประกอบไปด้วยกรดอะมิโนที่จำเป็นสำหรับร่างกาย ๘ ชนิด
ในอัตราที่เหมาะสม ถั่วลิสงยังมีไขมัน วิตามินบี ๒โคลีน (choline)
กรดไขมันที่ไม่อิ่มตัว เมธิโอนีน (Methionine)และวิตามิน
เอบีอีเค แคลเซียม
เหล็กและธาตุอื่นๆการบริโภคน้ำมันถั่วลิสงเป็นประจำจะทำให้โคเลสเตอรอลในตับสลายตัวเป็นกรดน้ำดี(bileacid)
ไม่เพียงแต่ลดโคเลสเตอรอลลงเท่านั้น ยังเป็นการป้องกันหลอดเลือดตีบและโรคหัวใจของคนในวัยกลางวันและวัยสูงอายุได้
8.กุ้งแห้ง
กุ้งแห้งให้สารอาหารที่จัดอยู่ในหมวดโปรตีน
9.ข่า
ข่าให้สารอาหารที่จัดอยู่ในหมวดวิตามิน
เกลือแร่ ซึ่งข่านั้นยังช่วยขับลม แก้บวม ฟกซ้ำ แก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ
แน่นจุกเสียดได้อีกด้วย
10.ตระไคร้
ตระไคร้ให้สารอาหารที่จัดอยู่ในหมวดวิตามินและเกลือแร่
11.น้ำตาลปีบ
น้ำตาลปีบให้สารอาหารที่จัดอยู่ในหมวดไขมัน
ซึ่งป็นสารให้พลังงานที่สำคัญที่สุดแก่เซลล์และเป็นสารตั้งต้นสำหรับการสังเคราะห์ชีวโมเลกุลต่างๆในเซลล์ซึ่งเมื่อเราบริโภคอาหารเข้าไป
อาหารจะถูกสกัดย่อยด้วยกรดในกระเพาะก่อนจะถูกย่อยและดูดซึมไปเลี้ยงร่างกายโดยลำไส้เล็ก
ตรงนี้เอง
ที่น้ำตาลซูโครสในอาหารจะถูกเปลี่ยนสภาพให้กลายเป็นน้ำตาลกลูโคสและฟรุคโทส
ซึ่งจะไหลไปตามหลอดเล็กๆผ่านผนังลำไส้เข้าสู่กระแสเลือดไปตามหลอดเส้นเลือดใหญ่โดยละลายอยู่ในเลือดและไหลกลับมาทางน้ำเหลืองเพื่อเข้าสู่ตับ
โดยน้ำตาลบางส่วนจะถูกสะสมไว้ในตับในรูปของแป้งสีขาวที่ไม่สามารถละลายได้แต่เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดลดลงแป้งส่วนนี้จะสามารถละลายกลายเป็นน้ำตาล
เพื่อส่งเข้ากระแสเลือด และหากมีน้ำตาลเหลืออยู่อีก
ร่างกายจะเปลี่ยนน้ำตาลส่วนเกินเหล่านั้นเป็นไขมัน และเก็บไว้ในชั้นไขมันต่อไป
12.กะปิเผา
กะปิเผาให้สารอาหารที่จัดอยู่ในหมวดโปรตีน
13.น้ำปลา
น้ำปลาให้สารอาหารที่จัดอยู่ในหมวดโปรตีน
ซึ่งน้ำปลานั้นช่วยลดความเสี่ยงการเป็นโรคโรคหัวใจขาดเลือด (
Coronary Heart Disease ) ลดไขมันในเลือดชนิดไตรกลีเซอร์ไรด์ (
Triglyceride ) ลดความรุนแรงของโรคปวดข้อ รูมาตอยด์ (
Rhematoid Arthritis ) บำรุงสมอง
เพราะเซลล์สมองมีกรดไขมันชนิดนี้มาก จึงช่วยเสริมสร้างเซลล์สมอง